MODI VILLA บางนา 2

Facebook Twitter Email

“...มนต์เสน่ห์แห่งศิลปะร่วมสมัย ผสานกลิ่นอายความงามของสถาปัตยกรรมสไตล์ English Cottage เข้ากับความทันสมัยอย่างลงตัว พร้อมนวัตกรรมใหม่แห่งการอยู่อาศัย ตอบสนองรูปแบบชีวิตในยุคใหม่...”

          Property Perfect เป็นผู้นำในการพัฒนาบ้านหรูของประเทศไทย ผ่านการพัฒนาโครงการหรูหราระดับ Masterpiece มาแล้วหลากหลายโครงการ แต่ทาง Property Perfect ยังมีการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด ทาวน์โฮม อาคารพาณิชย์/โฮมออฟฟิศ และคอนโดมิเนียม ภายใต้แบรนด์ต่างๆ ที่ครอบคลุมทุก Segment เพื่อเป็นทางเลือกตอบโจทย์ผู้บริโภคที่หลากหลาย
          “Modi Villa” ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแบรนด์แนวราบจาก Property Perfect มีรูปแบบบ้านที่ผสมผสานกันหลากหลายทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮม มีสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น และเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ Modi Villa ทั้งยังให้ความสำคัญกับบรรยากาศ และส่วนกลางภายในโครงการ เพื่อวันพักผ่อนที่เหนือกว่าของทุกคนในครอบครัว เน้นเจาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ราคาเริ่มต้นไม่สูงมาก ทำเลส่วนใหญ่อยู่ใกล้เมืองเดินทางสะดวก ตอบโจทย์ชีวิตคนเมือง และวันนี้เราจะพามาชมอีกหนึ่งโครงการใหม่ล่าสุด “Modi Villa บางนา 2” ที่จะช่วยยกระดับการใช้ชีวิตให้สมบูรณ์แบบ และสมาร์ทเหนือใคร กับบ้านดีไซน์ใหม่ล่าสุด สไตล์ English Cottage ที่มาพร้อมคลับเฮ้าส์ใหญ่ บนที่สุดแห่งสังคมส่วนตัว เพียง 96 ครอบครัว ท่ามกลางบรรยากาศแบบยุโรปทั้งโครงการ



          สำหรับโครงการ Modi Villa บางนา 2 เป็นโครงการใหม่ที่มีกลิ่นอายแบบยุโรปทั้งโครงการ ไม่ว่าจะเป็นตัวบ้าน หรือบรรยากาศในโครงการ โดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากสถาปัตยกรรมสไตล์ English Cottage ที่มีความสวยงาม และเรียบง่าย โดยแฝงไว้ซึ่งความอบอุ่น และน่าอยู่ แบบบ้านภายในโครงการได้รับการออกแบบอย่างพิถีพิถัน โดยลดทอนรายละเอียดบางอย่างลงแล้วผสมผสานความเป็นโมเดิร์นเข้าไป พร้อมทั้งนำนวัตกรรมใหม่ๆ เช่น ระบบ Home Automation, Security และ Airflow ใส่เข้าไป ทำให้บ้านของ Modi Villa บางนา 2 มาในสไตล์ English Cottage ที่แสนอบอุ่น และน่ารัก แต่ฟังก์ชันการใช้งานตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ในยุค New Normal ได้อย่างลงตัว ทั้งยังเหมาะกับคนยุคใหม่ที่โหยหาความคลาสสิก รวมถึงต้องการความปลอดภัย และความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตอีกด้วย มากกว่านั้นตัวโครงการยังตั้งอยู่บนทำเลบางนา ซึ่งปัจจุบันเรียกว่ากลายเป็นทำเลทองหายาก รายล้อมไปด้วยความเจริญทั้งปัจจุบัน และในอนาคต



แบบบ้านในโครงการ Modi Villa บางนา 2 จะมีด้วยกัน 2 แบบ คือ บ้านเดี่ยว และบ้านแฝด สำหรับแบบบ้านที่เปิดขายอยู่ในปัจจุบันมีดังนี้

◾ บ้านเดี่ยว MILVERTON+ พื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 2 ที่จอดรถ
​◾ บ้านแฝด MILVERTON พื้นที่ใช้สอย 131 ตร.ม. ขนาด 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว 2 ที่จอดรถ

          “การดีไซน์แบบบ้านไม่เพียงเน้นความสวยงามเท่านั้น จะเห็นได้ว่าทางโครงการใส่ใจในเรื่องการจัดวางทิศทางหน้าบ้านอย่างเข้าใจธรรมชาติ โดยออกแบบผังโครงการให้หน้าบ้านหันไปทางทิศเหนือ-ใต้เท่านั้น รวมถึงการใช้กรอบประตูหน้าต่างบานใหญ่ และภายในเน้นความโปร่งสบายด้วยเพดานสูง ช่วยดึงแสงธรรมชาติเข้ามาใช้ในช่วงกลางวัน ทำให้ประหยัดพลังงานลงได้ ทั้งยังช่วยเพิ่มความรู้สึกโปร่ง โล่ง สบายอีกด้วย และอีกหนึ่งความโดดเด่นคือการนำนวัตกรรมใหม่ที่เกี่ยวกับการอยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นระบบ Home Automation, Security System และ Smart Airflow มาใช้ ซึ่งเราทราบกันดีว่าระบบต่างๆ นี้ มักจะนำมาใช้กับบ้านราคาแพงเท่านั้น แต่ได้มาอยู่ในบ้าน Modi Villa บางนา 2 นี้ด้วย”
         และวันนี้เราจะพาไปชมบ้านตัวอย่างซึ่งเป็นบ้านแฝด (MILVERTON) พร้อมชมฟังก์ชันรวมถึงไอเดียการตกแต่งบ้าน ก่อนที่เราจะไปชมบ้านตัวอย่าง เรามาดูนวัตกรรมของบ้านแนวคิดใหม่ Modi Villa บางนา 2 กันดีกว่าครับว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
 
Smart Airflow System
นวัตกรรมระบบระบายอากาศ ช่วยโฟลว์อากาศให้บ้านเย็นสบาย และปลอดฝุ่น PM2.5


          ถือว่าเป็นนวัตกรรมที่จำเป็นมากในปัจจุบัน และยังตอบโจทย์การอยู่อาศัยในอนาคตที่เรากำลังเผชิญทั้งปัญหาฝุ่นละออง และภาวะโลกร้อน สำหรับกลไกการทำงานของระบบ Smart Airflow จะทำงานผ่าน 4 ขั้นตอน ตั้งแต่การเติมอากาศใหม่จากภายนอกเข้ามาภายในบ้าน ในขณะที่อากาศจากข้างนอกที่เข้ามาจะถูกกรองด้วย Filter ที่ช่วยกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่ให้เข้ามาในบ้านได้ จากนั้นอากาศใหม่จะผลักดันอากาศเดิม และความร้อนภายในบ้านขึ้นสู่ใต้หลังคาบริเวณโถงบันไดชั้นบน แล้วดันความร้อนจากใต้หลังคาออกไปยังฝ้าชายคานอกบ้าน เพราะฉะนั้นบ้าน Modi Villa บางนา 2 จึงเป็นบ้านที่อยู่สบายไม่ร้อน อีกทั้งยังช่วยควบคุมคุณภาพอากาศที่ดีภายในบ้าน นอกจากนี้อากาศที่ถ่ายเทยังช่วยลดแบคทีเรีย และเชื้อราอีกด้วย และเมื่อบ้านเย็นขึ้นจึงไปลดการทำงานของเครื่องปรับอากาศให้ทำงานน้อยลง ช่วยประหยัดพลังงานไปในตัว
          ประสิทธิภาพการทำงานของระบบ Smart Airflow มาจาก 4 ขั้นตอน ดังนี้...

1. Fresh Air Inlet ช่องเติมอากาศบริสุทธิ์เข้ามาภายในบ้าน เป็นการถ่ายลมเย็นจากภายนอกสู่ภายใน
2. PM2.5 Filter ชั้นกรองฝุ่นที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ได้ถึง 90%
3. Ceiling Ventilator พัดลมระบายอากาศระบบ Low Noise Design ช่วยถ่ายอากาศร้อนขึ้นไปใต้หลังคา โดยจะมีตัวนำอากาศร้อนที่อยู่ใต้หลังคาออกไปยังฝ้าชายคานอกบ้าน ช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้าน ประหยัดไฟ และพลังงาน ทั้งยังสามารถควบคุมการทำงานของพัดลมระบายอากาศได้ด้วยสมาร์ทโฟน
4. SCG Vinyl Soffits ฝ้าชายคาไวนิลรุ่นระบายอากาศจาก SCG พร้อม Grille ปล่อยอากาศเสียออกภายนอก
 
Smart Home Automation
ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยีสมาร์ทโฮม เพื่อชีวิตคนยุคใหม่

          การทำงานของระบบ Smart Airflow เป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ควบคู่ไปกับระบบ Smart Home Automation เนื่องจากสามารถตั้งเวลาเปิด / ปิดพัดลมระบายอากาศได้จากสมาร์ทโฟน หากแต่ระบบ Smart Home Automation มีฟังก์ชันการทำงานที่มากกว่า และสามารถควบคุมการทำงานของระบบทุกอย่างได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส อุปกรณ์ต่างๆ และการทำงานของระบบ Smart Home Automation มีดังนี้
◾ Wifi Camera : กล้อง Wifi ที่สามารถดูเหตุการณ์ภายในบ้านแบบ Real-Time สามารถส่งข้อความเข้าสมาร์ทโฟนได้เมื่อพบการบุกรุก
◾ Smart Switch : สวิตช์ไฟอัจฉริยะที่สามารถตั้งเวลาเปิด / ปิด และสั่งงานได้จากทุกที่ผ่านสมาร์ทโฟน
◾ Spot : อุปกรณ์ควบคุม / สั่งงานเครื่องใช้ไฟฟ้าแทนรีโมต เช่นทีวี, แอร์ และเครื่องเสียง สามารถตั้งเวลาเปิด / ปิด และสั่งงานได้จากทุกที่ผ่านสมาร์ทโฟน
◾ Siren : หากมีผู้บุกรุก ไซเรนที่ติดตั้งบริเวณด้านหน้าบ้านจะส่งเสียงร้องทันที
◾ Motion Sensor : เซ็นเซอร์ตรวจจับความเคลื่อนไหวที่จะสั่งให้กล้องถ่ายรูปส่งเข้าสมาร์ทโฟนเมื่อพบการบุกรุก
◾ Door/Window Sensor : เซอร์เซอร์ที่ติดตั้งบริเวณประตู และหน้าต่าง มาพร้อมระบบ Shock Detector ป้องกันการงัดแงะ หากมีผู้บุกรุก จะแจ้งเตือน และสั่งให้กล้องถ่ายรูปส่งเข้าสมาร์ทโฟนทันที
◾ Environmental Sensor : เซนเซอร์วัดแสงสว่าง, ความชื้น และอุณหภูมิที่สามารถตั้งค่าให้ทำงานร่วมกับ Smart Switch และ Spot ได้ เพื่อควบคุมการทำงานของไฟ และเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ



          คราวนี้เราไปดูตัวบ้านกันบ้างครับ อย่างที่ทราบว่าที่นี่มีแบบบ้าน 2 แบบ ซึ่งแบบแรกเป็น บ้านเดี่ยว (MILVERTON+) มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม. แบ่งเป็น 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และ 2 ที่จอดรถ ความแตกต่างของบ้านเดี่ยวคือ ห้องนอนชั้นล่างจะเป็นส่วนที่ยื่นออกมาจากตัวบ้าน และมีประตูที่เชื่อมต่อกับสวนด้านข้าง เป็นการแบ่งฟังก์ชันพื้นที่ออกมาอย่างชัดเจน และให้ความเป็นส่วนตัวมากๆ ทั้งยังเปิดรับวิวธรรมชาติจากสวนได้ทุกวันอย่างใกล้ชิด ถ้าสมาชิกในบ้านไม่มากในส่วนนี้เรายังปรับเปลี่ยนการใช้งานได้อีกมาก ไม่ว่าจะทำเป็นมุม Work From Home หรือห้อง Home Theater หรือ Double Living สำหรับรับรองแขกพิเศษ หรือห้องพระก็ได้ครับ เนื่องจากห้องนี้ได้แยกออกมาเป็นอิสระ ไม่มีพื้นที่ชั้นสองจึงสามารถจัดวางพระเครื่อง หรือของมงคลไว้บริเวณนี้ได้เลย และตำแหน่งแปลงของบ้านเดี่ยว ทางโครงการจะจัดให้อยู่โซนมุมทุกหลัง ทำให้ด้านหนึ่งจะแยกออกจากเพื่อนบ้าน จึงได้ความสงบและเป็นส่วนตัวมากกว่า
          สำหรับแบบที่ 2 เป็น บ้านแฝด (MILVERTON) มีขนาดพื้นที่ใช้สอย 131 ตร.ม. แบ่งเป็น 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องครัว และ 2 ที่จอดรถ เป็นแบบบ้านขนาดเริ่มต้นของโครงการ มีฟังก์ชันที่เหมาะกับครอบครัวเริ่มต้น หรือผู้ที่ต้องการเพิ่มพื้นที่รองรับการใช้งาน หรือปรับเปลี่ยนขยายในอนาคต และวันนี้เราจะพาไปเปิดบ้านแฝด MILVERTON ชมฟังก์ชันภายใน รวมถึงไอเดียการตกแต่งบ้านภายในบ้านตัวอย่างกันครับ





เริ่มตั้งแต่โซนหน้าบ้านกันเลย แม้ว่าจะเป็นบ้านแฝดแต่ให้อารมณ์บ้านเดี่ยว คือไม่มีส่วนใดที่ติดกับเพื่อนบ้าน ฉะนั้นก็จะมีพื้นที่สามารถเดินได้รอบบ้าน ด้านข้างบ้าน และประตูหน้าบ้านที่เชื่อมกับมุมรับแขก โครงการจัดเป็นสวนเล็กๆ พร้อมปูหญ้าไว้ให้ จุดเด่นจุดหนึ่งของโครงการนี้คือจะมีประตูทางเข้าอีกหนึ่งจุดบริเวณลานจอดรถ (Double Entrance) ซึ่งอยู่ในที่ร่ม เพิ่มความสะดวกสบายให้กับผู้อยู่อาศัยได้ขึ้น เนื่องจากหากฝนตก จะได้ไม่ต้องเดินอ้อมรถเพื่อมาเข้าบ้านบริเวณประตูของห้องรับแขก ในส่วนของลานจอดรถรวมถึงโซนซักล้างหลังบ้าน ทางโครงการยังได้ลงเสาเข็มแบบปูพรมไว้ให้อีกด้วย




เข้ามาดูภายในบ้านกันบ้าง สำหรับทางเข้าจะแบ่งเป็น 2 ทาง (Double Entrance) คือทางเข้าจากที่จอดรถซึ่งเปิดเข้ามาจะพบกับทางขึ้นชั้น 2 ซึ่งอาจทำเป็นทางเข้าหลักของบ้านได้เลยก็ได้ ข้อดีก็คือ เมื่อที่บ้านกำลังมีแขกที่ Living Room เราสามารถเดินเลี่ยงเพื่อไม่เป็นการรบกวนบทสนทนาระหว่างแขกของบ้าน ส่วนอีกหนึ่งทางเข้า จะเปิดมาเจอ Living Room เลย ประตูนี้อาจทำเป็นทางเข้าของแขกเมื่อมาเยี่ยมบ้าน โดยจัดพื้นที่ Common Space ส่วนแรกไว้เป็นที่นั่งรับแขกเพื่อสะดวกแก่การรับรอง หรือทำเป็นมุมดูทีวีของครอบครัวได้เลย พื้นที่บริเวณนี้ค่อนข้างกว้างพอที่จะวางโซฟารับแขกขนาด 4-5 ที่นั่ง พร้อมด้วยโต๊ะกลาง และพื้นที่เหลือสำหรับเสริมที่นั่งเป็นแบบรูปตัว U หรือเว้นไว้เป็นทางเดินก็สะดวกดี และจะเห็นว่าพื้นที่โถงบริเวณนี้ค่อนข้างโปร่งโล่ง มีช่องแสงขนาดใหญ่หลายจุด ทำให้ห้องไม่มืดทึบ สามารถกั้นโซนได้ไม่มีผลเรื่องอากาศถ่ายเท หรือแสงส่องไม่ถึง และทางโครงการยังใช้ประตู/หน้าต่างที่เป็นกระจกเขียวตัดแสง จึงช่วยลดความร้อนเข้าบ้าน เมื่อทำงานร่วมกับระบบ Smart Airflow อีก จึงทำให้บ้านอยู่สบาย และประหยัดพลังงานมากขึ้นด้วย




ถัดจาก Living Room จะเป็นพื้นที่ของ Dining Room ที่จะเชื่อมต่อกัน ทางโครงการได้วางโต๊ะรับประทานอาหารไว้ขนาด 4 ที่นั่งลงตัวกับสมาชิกของบ้าน ซึ่งพื้นที่จริงยังสามารถเพิ่มขนาดโต๊ะรับประทานอาหารได้ใหญ่กว่านั้นถึง 6 ที่นั่งได้สบายๆ อีกทั้งยังมีประตูบานเลื่อนที่ต่อเนื่องไปยังสวนข้างบ้านได้อีก เพื่อต่อพื้นที่ทำเป็นลานปาร์ตี้ วางเตาปิ้งย่างด้านนอก ขยายช่วงเวลาแห่งความสุขของครอบครัวได้ไม่มีที่สิ้นสุดเลยครับ



สำหรับห้องครัวจะอยู่ถัดไปจาก Dining Room รูปแบบครัวปิดมีหน้าต่างระบายอากาศบานใหญ่ รวมถึงมีประตูที่เชื่อมออกสู่หลังบ้าน ทำให้สามารถทำอาหารหนักๆ ทั้งผัดแกงทอด ได้สบาย ไม่ต้องกลัวกลิ่นเข้าไปรบกวนภายในบ้าน เพดานสูงโปร่งนอกจากจะทำให้ห้องดูกว้าง เรายังสามารถที่จะบิวท์อินชั้นวางของแบบตู้แขวนได้สูง เพื่อเพิ่มประโยชน์ใช้สอยได้มากขึ้น ถัดจากห้องครัวออกไปก็จะเป็นส่วนของห้องน้ำชั้นล่าง ซึ่งมีทั้งเครื่องสุขภัณฑ์จาก COTTO และชาวเวอร์อาบน้ำ และถัดไปอีกจะเป็นบันไดทางขึ้นชั้น 2 ซึ่งก็จะผ่านประตูทางเข้าที่ออกไปสู่ที่จอดรถ สำหรับโครงสร้างบันไดค่อนข้างแข็งแรงด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก พื้นบันไดเป็นไม้สำเร็จรูปสีอ่อน รวมถึงมีช่องแสงธรรมชาติระหว่างบันได ทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น อีกทั้งยังมี Motion Sensor ที่จะคอยตรวจจับความเคลื่อนไหวเมื่อมีการเดินผ่าน เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในยามกลางคืน และเวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้านอีกด้วย



คราวนี้มาดูในส่วนของชั้น 2 กันบ้าง ที่ชั้นนี้จะมี 3 ห้องนอนด้วยกัน เรามาดูที่ห้องแรก Master Bedroom กันก่อน ห้องนี้จะอยู่โซนด้านหน้าของบ้าน เป็นห้องหน้ากว้างกินพื้นที่เท่าหน้ากว้างของบ้านเลย จึงทำให้จัดสัดสวนของห้องได้ง่าย และเมื่อก้าวเข้าสู่ประตูจะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ซ้ายและขวา ด้านหนึ่งวางเตียง King Size โดยปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลือพอสมควร ทางโครงการจึงได้ทำเป็น Bay Window Seat ไว้เป็นไอเดีย โดยจะมีพื้นที่เหลืออีกทั้งด้านซ้าย และขวาของเตียงทำให้มีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะเล็กๆ ข้างเตียงได้อีกด้วย



อีกฝั่งของประตูทางโครงการทำไว้เป็น Walk in Closet ที่อยู่เชื่อมกับห้องน้ำ โดยการบิวท์อินเป็นตู้ขนาดใหญ่ความสูงจรดเพดานประมาณ 2.8 เมตร ทำให้ได้มุมแต่งตัวที่ใหญ่ และสูงมาก ภายในห้องน้ำ Master Bedroom มีขนาดใหญ่ และครบทุกฟังก์ชัน มีการกั้นโซนเปียก และแห้ง อีกทั้งยังมีช่องระบายอากาศไว้ที่เหนือศีรษะ เพื่อช่วยระบายกลิ่น และความชื้นออกสู่ภายนอก



สำหรับห้องนอนที่ 2 และ 3 ซึ่งอยู่ติดกัน ทางโครงการได้ดีไซน์ให้ห้องนี้สามารถปรับขยายได้ในอนาคต (Flexible Function) ซึ่งผนังส่วนที่ติดกันจะก่อด้วยอิฐมวลเบาทำให้สามารถขยายพื้นที่ห้องให้กว้างขึ้นเป็นอีก 1 ห้องนอนใหญ่ เพื่อให้ชั้นบนมี Double Master Bedroom ได้ตามความต้องการ หรืออาจจะปรับเปลี่ยนห้องนอนให้ลงตัวกับไลฟ์สไตล์ และจำนวนสมาชิกภายในบ้าน ซึ่งเหมาะสำหรับครอบครัว คู่รักที่วางแผนมีลูกในอนาคตด้วย

 
Perfect Facilities
เติมเต็มความสุขในวันพักผ่อน กับสวนส่วนกลาง และคลับเฮาส์ใหญ่สไตล์ยุโรป
           พื้นที่ส่วนกลางของโครงการเป็นอีกหนึ่งจุดเด่นของที่นี่ เริ่มตั้งแต่การวางผังโครงการให้จำนวนบ้านไม่เยอะเกินไป มีความเป็นส่วนตัวสูง โดยได้แทรกความเป็นธรรมชาติ ผ่านแนวคิด Smart Green Space Area ให้ลูกบ้านได้สัมผัสกับความเป็นธรรมชาติในทุกส่วนของโครงการ ทั้งภายในบ้าน และสวนส่วนกลาง อีกทั้งยังได้นำเอาเอกลักษณ์ที่สะท้อนถึงความเป็นยุโรปมาใช้ที่ตัวบ้าน และพื้นที่ส่วนกลาง ไม่ว่าจะเป็นซุ้มทางเข้าโครงการ หรือสวนส่วนกลาง เพื่อคงคอนเซ็ปต์ English Avenue ไว้ทั่วทั้งโครงการ ถนนที่สัญจรภายในโครงการกว้าง 8-12 เมตร ซึ่งถือว่าค่อนข้างกว้างทีเดียว และยังมีทางเดินสำหรับคนเดินเพื่อความปลอดภัย สำหรับสวนส่วนกลางจะมีการดีไซน์อย่างเป็นเอกลักษณ์สไตล์ยุโรป มาพร้อมกับ Playground, Outdoor Fitness และ Leisure Bench
​          เติมเต็มความสุขในวันพักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบ กับคลับเฮาส์ใหญ่สไตล์ยุโรป หรูหราระดับเฟิร์สคลาส บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ พรั่งพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบรับไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของทุกคนในครอบครัว ทั้งฟิตเนส สระว่ายน้ำระบบเกลือ สตีม ห้องแอโรบิค Co-Working Space สนามเด็กเล่น และสนามบาสเกตบอล ท่ามกลางสวนที่ร่มรื่น และยังมีกล้อง CCTV คอยสอดส่องดูแลความปลอดภัยระหว่างทำกิจกรรมบริเวณคลับเฮาส์อีกด้วย


 
Smart Security
อุ่นใจกับระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.
          ด้านความปลอดภัยของโครงการมีการผสมผสานเทคโนโลยีระดับสูง ทั้งระดับโครงการและตัวบ้าน ปราการด่านแรกคือบริเวณซุ้มทางเข้าโครงการด้านหน้า อาจจะเห็นว่าทางโครงการได้ทำซุ้มทางเข้าไว้สวยงามเน้นพื้นที่เปิดโล่งสไตล์หมู่บ้านอังกฤษ แต่การเข้า-ออกของที่นี่ค่อนข้างเป็นระบบนะครับ ผู้มาเยือนต้องแลกบัตรตามมาตรฐานของโครงการ นอกจากนี้เขายังเพิ่มความปลอดภัยด้วยการติดตั้งกล้อง CCTV ไว้กระจายทั่วทั้งโครงการไม่ใช่มีเพียงเฉพาะซุ้มทางเข้าเท่านั้น อีกทั้งรั้วรอบโครงการก็มีขนาดค่อนข้างสูง เพื่อป้องกันผู้บุกรุกอีกขั้นหนึ่ง หรือหากมีผู้บุกรุกหลุดรอดเข้าสู่บ้าน ภายในบ้านยังมีระบบป้องกันความปลอดภัยที่จะคอยแจ้งเตือนไปยังเจ้าของบ้านได้ทราบในทันทีอีกทางหนึ่งด้วย สำหรับการเข้า-ออกโครงการนั้น ลูกบ้านจะใช้ระบบสแกน Easy Pass เพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง

 
" GREAT LOCATION "
เชื่อมต่อทุกความสะดวกสบาย บนทำเลบางนา
          นอกจากจุดเด่นๆ ในตัวโครงการ ทำเลที่ตั้งโครงการในย่านบางนาถือเป็นอีกไฮไลท์สำคัญ และต้องยอมรับว่าทำเลย่านบางนาจากที่เคยเป็นทำเลรองห่างไกลเมือง ปัจจุบันมีการเปลี่ยนแปลงจากอดีตไปค่อนข้างเยอะ เต็มไปด้วยโครงการใหญ่ๆ ระดับเมกะโปรเจกต์โดยเฉพาะด้านการคมนาคม มีครบทั้ง ทางด่วน ท่าเรือ รถไฟฟ้า ซึ่งในโซนนี้มีรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่พร้อมใช้งาน และกำลังจะเชื่อมต่อกับสายสีเหลือง ประมาณปี 2564 (เปิดให้บริการช่วงสถานีสำโรง - พัฒนาการก่อน) และยังมีแผนการสร้างรถไฟฟ้า Light Rail จากบางนาเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิอีกด้วย
 

นอกจากนี้สิ่งที่โดดเด่นอีกอย่างหนึ่งก็คือการเป็นศูนย์กลางแห่งไลฟ์สไตล์ นับตั้งแต่ MEGA Bangna, Central Village, Siam Premium Outlets ที่เปิดให้บริการแล้วยังจะมีโครงการใหญ่ๆ ที่รอเปิดตัวอีกเช่น Bangkok Mall, The Forestias, Trust City เป็นต้น บอกเลยว่าอยู่ย่านบางนาทำเลที่เติบโตไม่หยุด รวมถึงราคาที่ดินที่นับวันจะพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน



สำหรับโครงการ “Modi Villa บางนา 2” ตั้งอยู่ในซอย ม.เอแบคบางนา หรือบริเวณถนนบางนา กม.26 ถนนในซอยที่เข้าสู่โครงการเป็นถนนขนาดใหญ่ 4 ช่องจราจร ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนบูรพาวิถี ซึ่งในอนาคตยังมีการพัฒนาถนนวงแหวนรอบที่ 3 ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการ เป็นเส้นทางที่ตรงไปย่านรังสิต-นครนายกได้รวดเร็วขึ้น ทำให้มีทางเลือกการเดินทางที่หลากหลาย หรือจะใช้ทางพิเศษบริเวณด่านทับช้างออกสู่มอเตอร์เวย์ หรือเข้าเมืองไปยังโซนพระรามสอง พระรามสาม ก็ง่าย และสะดวกรวดเร็วขึ้นเยอะ ด้านความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต ก็ยิ่งสะดวกมาก เนื่องจากบนถนนบางนานั้น เต็มไปด้วยคอมมูนิตี้มอลล์ และร้านอาหารจำนวนมากรองรับทุกไลฟ์สไตล์

▪ ใกล้ ม.เอแบค บางนา 4 กม.

▪ ใกล้ ม.หัวเฉียวเฉลิมพระเกียรติ 11 กม.
▪ ใกล้ Central Village 16 กม.
▪ ใกล้ Mega Bangna 23 กม.
▪ ใกล้ สนามบินสุวรรณภูมิ 25 กม.



เป็นอย่างไรบ้างครับกับโครงการ “Modi Villa บางนา 2” ต้องบอกว่าโครงการนี้ได้พัฒนา และออกแบบเพิ่มฟังก์ชันได้ค่อนข้างครอบคลุมทุกความต้องการของคนรุ่นใหม่จริงๆ ซึ่งจากที่ได้สัมผัสกับโครงการนี้ตัวโครงการถือว่าน่าสนใจมากๆ ในหลายด้าน รวมถึงตัวทำเลบางนา ซึ่งอยู่ในแหล่งชุมชนที่มีความเจริญสูง รายล้อมด้วยสถานที่สำคัญทำให้ที่นี่จึงเหมาะที่จะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยที่จะทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบาย และเพื่อเป็นการ Recommend สำหรับผู้ที่สนใจ ผมจึงอยากสรุปจุดเด่นโครงการในมุมมองของ Inside2home เพื่อให้คุณได้เห็นภาพมากขึ้น เริ่มดังนี้


◾ รูปแบบของบ้านแฝด Modi Villa บางนา 2 ให้อารมณ์เหมือนอยู่บ้านเดี่ยว ซึ่งจะไม่มีส่วนที่ติดกับเพื่อนบ้านเลย ทำให้เหลือสเปซรอบบ้านไว้ทำเป็นมุมสวยๆ ซึ่งหากใครที่มองหาบ้านที่มีพื้นที่ส่วนตัว ราคาไม่ต่างจากทาวน์โฮมมากนัก เริ่มต้นเพียง 3.89 ล้าน* ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ First Jobber หรือสายฟรีแลนซ์ได้อย่างดี

◾ Perfect Smart Home นวัตกรรมใหม่แห่งการอยู่อาศัย รองรับไลฟ์สไตล์ที่ทันสมัย โดยการทำงานจะเชื่อมต่อกับไฟ เครื่องใช้ไฟฟ้า และระบบรักษาความปลอดภัยภายในบ้าน โดยสามารถสั่งการได้ด้วยสมาร์ทโฟน และยังมีระบบ Smart Airflow ซึ่งเป็นการทำหน้าที่ฟอกอากาศภายในบ้าน ช่วยป้องกันฝุ่น PM2.5 และยังช่วยถ่ายเทอากาศในบ้าน ทำให้บ้านเย็น และเกิดการหมุนเวียนอากาศภายในบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปเราจะเห็นการใช้ Home Automation หรือระบบ Smart Airflow กับบ้านที่มีราคาแพงตั้งแต่ 10 ล้านขึ้นไป ซึ่งต้องบอกว่าที่นี่ได้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยในบ้านทุกหลังจริงๆ

◾ ระบบรากฐากของบ้าน มีการลงเสาเข็มตัวบ้านลึกกว่าปกติถึงประมาณ 26 เมตร นอกจากนี้ในส่วนของที่จอดรถหน้าบ้านและลานซักล้างหลังบ้าน ทางโครงการยังได้ลงเสาเข็มแบบปูพรมไว้ให้อีกด้วย เพื่อความสะดวกสำหรับเจ้าของบ้านในการวางแผนต่อเติมในอนาคต

◾ ความแข็งแรงทนทานของผนังบ้าน ทางโครงการเลือกใช้เป็น Precast กับผนังหลักๆ ของบ้าน ซึ่งเป็นโครงสร้างที่แข็งแรง ทนทาน ส่วนผนังภายในระหว่างห้องนอน 2 และห้องนอน 3 เป็นการก่ออิฐมวลเบา หรือการใช้ระบบ Flexible Function เพื่อให้ง่ายต่อการปรับเปลี่ยนพื้นที่ภายในบ้านในอนาคต โดยที่ตัวโครงสร้างของบ้านก็จะไม่ถูกผลกระทบจากการขยายพื้นที่ห้องไปด้วย

◾ วัสดุในโครงการ ขึ้นชื่อแบรนด์ Property Perfect โครงการให้ความสำคัญกับการเลือกใช้วัสดุที่ได้มาตรฐานจากแบรนด์ที่มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับในวงกว้าง เช่น SCG TOA และ COTTO

◾ การวางตำแหน่งหน้าบ้าน ทางโครงการได้จัดวางบ้านทุกหลังให้หันหน้าไปทางทิศเหนือ และทิศใต้เท่านั้น โดยหันทางทิศเหนือ บ้านจะร่มเย็น เนื่องจากได้รับแสงแดดน้อย ส่วนบ้านที่หันไปทางทิศใต้ ก็จะรับลม เพิ่มอากาศถ่ายเทในบ้านได้มากกว่า นอกจากนี้ยังมีการวางโซนพักผ่อนให้เลี่ยงแสงแดดที่จะส่องลงมาตรงๆ เพื่อให้คนในบ้านสามารถจะมาใช้พื้นที่บ้านได้ตลอดทั้งวัน

◾ ระบบความปลอดภัย จุดแข็ง หรือจุดเด่นของโครงการอีกหนึ่งอย่างที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่เหนือระดับ ค่อนข้างให้มากกว่ามาตรฐาน นอกจากโครงการจะมี รปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมงแล้ว ยังมีการติดตั้งกล้อง CCTV ตั้งแต่ซุ้มทางเข้าโครงการ ตลอดจนทุกซอยครอบคลุมทั่วทั้งโครงการ อีกทั้งตัวบ้านก็ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัย และระบบระบายอากาศที่ทันสมัย ให้ทุกวันสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบาย อุ่นใจ และปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

◾ Facilities ที่จัดเต็ม พื้นที่ส่วนกลางเป็นสิ่งที่สำคัญไม่แพ้ที่อยู่อาศัย สังคมในโครงการมีความเป็นส่วนตัวค่อนข้างสูง เพียง 96 ครอบครัว แต่มีพื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการที่ครบครันทุกกิจกรรมความสุข และคลับเฮ้าส์ใหญ่สไตล์ยุโรป บนพื้นที่กว่า 2 ไร่ไว้รองรับทุกไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของทุก Generation ภายในครอบครัว เติมเต็มชีวิตในวันพักผ่อนได้มากกว่า --------

--------------
หากสนใจโครงการ "Modi Villa บางนา 2"
สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่โทร 1375 หรือลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ คลิก

ไอเดียแต่งบ้าน